วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

It’s my birthday.



เดินกลับเข้าหอมาด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากการตะลอนๆกินกับคุณผู้ดูแลที่น่ารัก (ไปที่กินที่นั่นแล้ว ก็ไปกินที่นู่นต่ออีก) ...แต่ไฟที่ห้องก็ยังปิดสนิทอยู่ ก็คิดแล้วแหละว่ารูมเมททั้งสองคงยังไม่กลับมาเพราะทั้งสองได้บอกกิจกรรมที่ตัวเองจะไปทำแล้วว่า เค้าไปติวหนังสือให้เพื่อนนะ(เด็กทุนผู้แข็งแกร่งก็งี้) ส่วนอีกคนก็ เค้าไปหาเพื่อนนะ จะเอาของไปให้... ไม่ว่าเพื่อนจะวาน จะขอร้องอะไรก็ไม่เคยปฏิเสธ(คนใจดีก็งี้แหละ) 555 (แอบเม้า)

เมื่อถึงหน้าประตู กลับพบว่าในห้องที่ไม่เปิดไฟ มีเสียงเพลงทุ้มอยู่ในใจดังอยู่ ก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นรูมเมทผู้ใจดีที่มักจะเล่นคอมฯโดยไม่เปิดไฟอยู่ในห้อง ...อย่างน้อยก็มีคนกลับมาแล้วล่ะนะ

แต่เมื่อเปิดเข้าไป สิ่งที่เราเห็นก็ทำให้เราต้องโวยวายว่า อะไรวะเนี่ย เพราะว่า... 1. ไม่มีคนอยู่ 2. มีลูกโป่งที่ติดเพดานผูกริบบิ้นอยู่เต็มห้อง 3. มีพุงขวางอยู่ (ตุ๊กตาหมีตัวใหญ่แต่ไม่มากซึ่งเป็นของเราเองปกติวางบนเตียง) แต่เราไม่ได้สนใจจะสังเกตรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่ติดอยู่ตามสิ่งของเหล่านี้ซึ่งเป็นข้อความบอกอะไรบางอย่างกับเรา แต่เมื่อเราเห็นว่าที่ประตูห้องน้ำมีแสงสว่างเป็นดวงๆ เราก็เลยเปิดประตูออก และพบกับ
...

happy birthday to you ~ happy birthday to you ~
“...”
happy birthday to~ you...~

เหล่าเพื่อนรูมเมทของเรานั่นเอง

โถ่... ร่วมมือกันทั้งสามคนนั่นเอง


ขอบใจนะ คุณเพื่อนรูมเมทและคุณผู้ดูแล

วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

รู้สึกว่า...ลักษณะบางอย่างของเรามันหายไป



          มีเพื่อนทักว่าเรา เป็นอะไร ทำไมเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยยิ้มเลย

          ...รู้สึกไม่ค่อยชอบตัวเองตอนนี้เลยแฮะ ไม่ชอบจริงๆนะ เราเป็นคนชอบเปรียบเทียบ เรามักจะเปรียบเทียบตัวเองกับสิ่งอื่นๆ อยู่เสมอ อย่างตอนนี้ เราก็กำลังเปรียบเทียบตัวเราปัจจุบัน กับ สมัยมัธยม

          ในสมัยมัธยม เรารู้สึกว่าเราเป็นคนอินดี้มากอะ มีความคิดเป็นของตัวเอง ขำง่าย เส้นตื้น ยิ้มเก่ง ยิ้มง่าย จะดูเป็นคนที่... รุ่นน้องค่อนข้างกล้าที่จะเข้าหา เพราะว่าดูใจดี ที่บอกว่าตัวเองอินดี้เนี่ย ก็เพราะว่าสมัยนั้น คิดว่าไม่ต้องตั้งใจเรียนมากก็ได้ เพราะว่าเรียนจบแล้วไม่ได้ใช้ มีเป้าหมายที่ชัด เป็นคนที่ขี้เกียจมาก... ตอนนี้ก็ขี้เกียจนะ แต่ก็ขยันกว่าเมื่อก่อนเยอะ
         
ปัจจุบัน เราเป็นคนขยัน คือ... ถ้าเทียบกับมัธยมอะ สมัยนี้ขยันกว่าเยอะ การงานการเรียนก็คุณภาพดีกว่าเยอะเช่นกัน ซึ่งอันนี้เป็นเรื่องที่ดีนะ แต่ ทำไมยิ่งเรียนยิ่งไม่มีแรงจูงใจ ไม่มีแรงผลักดัน ไม่รู้ว่าเรียนจบจะไปทำอะไร เพราะเหตุผลนี้ล่ะมั้ง เราก็เลยต้องตั้งใจเรียนมากกว่าเก่า อีกอย่าง... ลักษณะที่ดีดี ที่เราชอบ อย่างเช่น เป็นคนยิ้มง่าย อารมณ์ดี คิดในแง่บวก ก็หายไปเช่นกัน ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ไม่รู้ว่าทำไม

          พยายาม...คิดหาเหตุผลที่ตัวเองเป็นแบบนี้แล้วนะ แต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่า จริงๆแล้วเป็นเพราะอะไร ที่เราคิดว่าเป็นสาเหตุให้ลักษณะแบบนั้นหายไป ก็อย่างเช่น

          อายุเพิ่มมากขึ้น ?
          สภาพแวดล้อมเปลี่ยน ?
          สังคมเปลี่ยน ?
          ...
         
          ไม่รู้สินะ... แต่ไม่ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้เลย


          เศร้าใจ...

วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2559

อากาศเปลี่ยนแปลง


          ตอนนี้อยู่ๆอากาศก็ค่อนไปทางร้อน ซึ่งมันทำให้เราเป็นทุกข์มากในตอนนอน เพราะ...เราหลับแล้วตื่นกลางดึก
          หรือที่เราตื่นกลางดึกนั้น เป็นเพราะเรานอนดึกติดๆกันมาหลายคืนแล้วนะ ? แล้วเมื่อคืนก็นอนเร็วซะด้วยสิ แต่... เราว่าเป็นเพราะอากาศแน่ๆ บวกกับที่เรานอนใต้ผ้าห่มหนาๆที่พ่อเอามาให้ในช่วงอากาศหนาวมากๆล่ะมั้ง อืม... คงจะเป็นอย่างนั้นแหละ จริงๆก็ชอบนะที่อากาศไม่หนาว ไม่เย็น เพราะเราขี้หนาวอะ แต่ไม่ชอบเลยจริงๆ ที่ต้องตื่นมากลางดึก เราอยากนอนหลับแบบเต็มที่..

          เซ็งชะมัด

          คงจะต้องรอดูคืนนี้อีกคืนแล้วกัน ว่าจะตื่นมากลางดึกอีกรึเปล่า...

               ไม่รู้ว่าเกี่ยวกันมั้ยนะ... รู้สึกว่าตัวเองใจร้อนขึ้นด้วย ใจร้อนเอง เครียดเอง เสียใจกับการกระทำ รวมทั้งคำพูดตัวเอง เฮ้อ... ไม่ได้อยากโทษสภาพอากาศหรอกนะ แต่เราคิดว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องแน่ๆ ไม่อย่างนั้นเราก็คงไม่ใจร้อนหรอกมั้ง...นะ 555

          สรุป ก็ไม่รู้อะไรเลย คิดไปเองทั้งหมด... อืม... อืม... เรียกว่าสันนิษฐานละกัน~ 555+


         ไปดีกว่า บายย....

วันเสาร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2559

The Boy (มีสปอยล์หนัง)



          อืม... The boy เป็นหนังที่เข้าฉายวันที่ 28 มกราคม 2559 เป็นหนังแนวสยองขวัญ หรือ หนังผีนั่นแหละ ที่เราตั้งใจจะไปดู เพราะคิดว่าน่าจะสนุก

          เราเป็นคนขี้กลัว ผี หรือ หนังผี หรือ บ้านผีสิง เรากลัวมาก... แต่ เราชอบดูหนังผี รู้มั้ยเพราะอะไร ก็เพราะว่า หนังผีมันทำให้เลือดสูบฉีดไง เวลาได้กรี๊ด ในฉากที่น่าตกใจ ฉากผีตุ้งแช่ต่างๆ 555 แต่เรื่องนี้ผิดคาด... แต่...ไม่ได้ทำให้เค้าผิดหวังมากมายนัก เพราะว่า ก่อนที่จะออกไปดู เพื่อนเราบอกว่า หนังเรื่องนี้หักมุมนะ เราก็เลยเผื่อใจไว้แล้ว ว่าอาจจะไม่ใช่อย่างที่หวังไว้

          วันนั้นเป็นวันพฤหัสบดี เราเลิกเรียนเสร็จ เราก็แต่งตัวไปโรงหนัง ทันทีที่ไปถึงก็ได้ไปดูรอบ และพบว่า หนังเรื่องนี้มีรอบฉายเพียงแค่ 2 รอบต่อวันเท่านั้น เราก็เริ่มใจคอไม่ดีละ เนื่องจากหนังที่มีรอบฉายน้อยมักจะไม่สนุก แต่สัปดาห์นี้ หนังที่เข้าก็ค่อนข้างเยอะพอสมควร ซึ่งอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้รอบฉายน้อยก็ได้ และ... 2 รอบฉายที่มีในวันนั้นคือ เวลา 15.50 น. และ 20.40 น.

          แย่มาก...

          เราไปถึงประมาณ เกือบ 6 โมงเย็นได้ ต้องรออีกนานเลย แต่ที่แย่กว่าคือ เพราะเราเองที่ไม่ได้เช็ครอบก่อนมาดู คือ..จริงๆแล้วตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะว่ารอบฉายจะน้อยขนาดนี้ ก็เลยไม่ได้เช็คมาก่อน แต่ก็ไม่เป็นไร สุดท้ายเราก็ต้องดูรอบ 20.40 น.

          เรื่องนี้ค่อนข้างน่ากลัว ไม่ใช่เพราะผี เพราะเรื่องนี้ไม่มีผี แต่เป็นเพราะ... คนโรคจิต ต่างหาก

          เราไม่รู้เพราะอะไร ทำไมมนุษย์เราถึงต้องมีคนที่ผิดปกติแบบนี้อยู่ด้วย ธรรมชาติสร้างมาเพื่อให้เกิดความสมดุล ? หรือแค่เพราะต้องการลงโทษ ?

          เวลาเราดูหนัง เรามักจะคิดว่าถ้าเป็นตัวเราเองในโลกของความเป็นจริง เราจะทำยังไงเสมอ แต่เรานึกภาพไม่ออกจริงๆ ว่าถ้าเราเป็นคนโรคจิต เราจะเป็นยังไง...

          แต่โดยรวมเราว่าก็ไม่ได้แย่มาก เพราะเราเคยเสียเงินดูหนังที่แย่กว่านี้มาแล้ว แต่แค่อาจจะเสียดายไปบ้าง ที่เรื่องนี้ไม่มีฉากที่ทำให้เรากรีดได้เลย แล้วก็สามารถเดาฉากถัดไปของเรื่องได้ถูกอีกต่างหาก


          บาย.. The boy อย่างน้อยๆเรื่องนี้ก็ทำให้ไม่ต้องกลัวผีตุ๊กตาล่ะนะ 555 

วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2559

เพลินเลย


          หลังจากที่พยายามทำงานโปรเจ็กต์เมื่อคืนวานจนเต็มที่ ..แต่ก็ยังไม่เสร็จ มันทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น ตื่นเช้ามาก็เลยมานั่งเล่นเกมก่อนไปเรียน หลังจากกลับมาจากเรียนก็เล่นเกม เล่นเกมเสร็จก็ไปทานข้าว กลับมาห้องก็เล่นเกม
         
          ดูเวลาอีกที
          ...
          4 ทุ่มแล้ว

          ...
          เล่นเกมเพลินซะไม่เป็นการทำงานใดใด ทั้งๆที่เกมนี้เป็นเกมที่ซื้อมาเพราะลดราคา(เห็นแก่ของถูก)  บวกกับเคยเห็นน้องเล่น ซึ่งดูน่าสนุกดี แต่ลองเล่นเองมันไม่ได้สนุกเท่ากับที่ดู ก็เลยไม่คิดว่าตัวเองจะเสพติด แต่เมื่อดูจากเวลาที่ใช้ในการเล่นเกมครั้งนี้แล้ว ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเราติดมันซะแล้ว T T

          แต่สุดท้ายเราก็ต้องหักห้ามใจ ไม่ให้เล่นเกมนั้นต่อ ไม่อย่างนั้นคืนนี้ก็คงจะไม่ได้นอน แล้วงานก็คงจะไม่มีส่ง !!! ซึ่งเราก็ไม่อยากจะมาเสียใจทีหลัง (ซึ่งสิ่งที่ตามมาจากการไม่มีงานส่ง ก็คงจะไม่อยากคิด) หักห้ามใจซะตอนนี้เลยดีกว่า

          เฮ้อ... และแล้วก็กำลังจะทำการบ้านเสร็จอีก 1 ชิ้น จบจากตรงนี้ ไปอาบน้ำดีกว่าเรา กลิ่นควันจากหมูกระทะรุนแรงซะจนรูมเมททัก

          ...


          บัยยยย.

วันเสาร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2559

ชาลีหะมาผู้รักเสียงดนตรี(กีตาร์)


          วันหนึ่งเราหยิบกีตาร์ของน้าชาย(พ่อของน้อง) มาเล่นเพลงที่เราคุ้นเคย แต่ในขณะที่เล่นกีตาร์อยู่นั้น เจ้าชาลีหะมาผู้ขี้ขลาดก็วิ่งเข้ามาด้วยอาการที่กระตือรือร้น ดูเหมือนจะสนใจในอะไรบางอย่างของช่วงเวลานั้น แต่พอเราเห็นเจ้าชาลีวิ่งมาหา เราก็เลยจะเดินเข้าไปลูบหัว เนื่องด้วยเจ้าชาลีเป็นหะมาขนฟู ดูนุ่มนิ่มน่ากอด เราก็เลยอยากจะสัมผัส แต่เจ้าชาลีก็เดินหนีไป

          อาการเดินหนีของเจ้าชาลี เป็นลักษณะประจำตัวของเจ้าชาลีไปแล้ว ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่เจ้าชาลีจะค่อนข้างขี้ขลาด มักจะกลัวคน ไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้ แต่เราคิดว่าเจ้าชาลีคงอยากจะเข้าใกล้เราแหละ 555 แต่ก็กลัวซะจนเดินหนีเราตลอด แต่ถ้าวันนั้นเราสามารถลูบหัวเจ้าชาลีได้ ทั้งวันนั้นเราก็จะสามารถเข้าใกล้เจ้าชาลีได้อีก

          แต่อาการที่เราไม่เคยเห็นเลยของเจ้าชาลีนี่ก็คือ การที่ชาลีวิ่งมาหาตอนที่เราเล่นกีตาร์ แต่เมื่อเห็นเราแล้วก็เดินหนี ไปนั่งห่างๆ แต่ยังหันหน้ามาดูเราเล่นต่อ เราก็เลยคิดเองเออเองว่า เจ้าชาลีน่าจะชอบเสียงดนตรีล่ะมั้ง...นะ(หรืออาจจะแค่เสียงกีตาร์) เพราะน้องของเราบอกว่า ชาลีเนี่ย...รักพ่อมากๆเลย(น้าชายของเรา) และชอบอยู่ใกล้ๆพ่อ เราเลยคิดว่า อาจจะเป็นเพราะความรักความอบอุ่นของน้าชายที่มีให้เจ้าชาลี บวกกับการที่น้าชายมักจะเล่นกีตาร์เป็นประจำจึงทำให้เจ้าชาลีรักน้าชายมาก

          เราได้ค้นพบบุคลิกลักษณะของเจ้าชาลีด้วยความบังเอิญ ในเรื่องที่เจ้าชาลีนั้นชอบหรืออาจจะแค่สนใจเสียงดนตรี(กีตาร์) แต่มันทำให้เราคิดวิธีที่จะเข้าใกล้เจ้าชาลีได้มากขึ้น


          (: สนุกดีจัง

วันศุกร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2559

ลิลลี่ขี้เหงา


          วันนี้วันหยุดค่ะ วันหยุดอีกแล้ว แต่ว่าต้องกลับมหาวิทยาลัยพรุ่งนี้ซะแล้ว เนื่องด้วยวันอาทิตย์มีเรียนชดเชย ในช่วงวันหยุดของเราแบบนี้ หลังจากเราทำธุระส่วนตัวเสร็จ ก็คงจะประมาณบ่ายๆ เราจะไปที่บ้านของน้องเพื่อไปดูหนัง เล่นเกม เล่นกับหะมา เล่นกับแมว ชีวิตไร้แก่นสารสุดๆ 555

          ชอบชีวิตแบบนี้นะ สบายใจดี

          ระหว่างเดินทางไปบ้านน้อง เราจะผ่านบ้านของลุงเจ้าของลิลลี่(ลิลลี่เป็นหะมาค่ะ) เจ้าลิลลี่เพิ่งเจอกันเมื่อวานเป็นครั้งแรกในรอบวันหยุดนี้ ดูดีใจมากกเลยที่เจอเรา ลิลลี่เป็นหะมาขี้เหงาค่ะ เจอหน้าก็จะเลียๆๆท่าเดียว ซึ่งเราไม่ชอบที่หะมาเลียเลยอะ แต่เราไม่โกรธเพราะว่านี่เป็นอาการที่แสดงให้เรารู้ว่าลิลลี่คิดถึงเรา ถึงแม้ลิลลี่จะขี้เหงา แต่...ลิลลี่ก็ขี้หงุดหงิดนะ 555 ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ลิลลี่มักจะอารมณ์บ่จอย เราคิดว่าอาจจะเป็นเพราะลิลลี่คิดถึงเจ้าของคนแรกของลิลลี่ล่ะมั้งคะ พี่ชายเราเอง ลูกของลุงบ้านนี้แหละค่ะ แต่พี่มีเหตุจำเป็นเลยทำให้ไม่สามารถเลี้ยงเจ้าลิลลี่ต่อได้


ลิลลี่ก็เลยกลายเป็นหะมาขี้เหงาอย่างทุกวันนี้นี่แหละ T_T